ข้อคิดประจำสัปดาห์

ข้อคิดประจำสัปดาห์ วันอาทิตย์ 25 ตุลาคม 2020

พิธีบัพติศมา (3) : การเตรียมผู้รับใช้
ศจ.ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษดิ์

พิธีบัพติศมาจึงมีความสำคัญยิ่งต่อผู้ที่ตัดสินใจรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ เป็นการยืนยันว่า เราจะติดตามพระองค์และปรนนิบัติรับใช้อย่างเต็มศักยภาพ

ดังนั้น พิธีบัพติศมาจึงมีความหมายหลักๆ ดังนี้

•เป็นการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ เป็นหนึ่งเดียวและติดสนิทกับกับพระองค์ ดังคำกล่าวของเปาโลว่า “เพราะว่าพวกท่านทุกคนที่ได้รับบัพติศมาเข้าในพระคริสต์แล้ว ก็ได้สวมชีวิตของพระคริสต์ด้วย” (กาลาเทีย 3.27)

•เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่า ชีวิตของเราจะไม่ใช่ของเราอีกต่อไป แต่เป็นของ พระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา โดยเราสัญญาว่าจะเป็นสาวกที่สัตย์ซื่อตลอดไป เปาโลยืนยันว่า “ท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นของพระเจ้า” (1 โครินธ์ 3:23)

•เป็นการตายจากชีวิตเก่าและเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยการตรึงกับพระองค์บนกางเขนและเป็นขึ้นจากตายพร้อมกับพระองค์ เปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับ พระคริสต์แล้ว ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยศรัทธาในพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กาลาเทีย 2:20)

•เป็นการยอมรับว่า แต่ละคนต่างเป็นอวัยวะในพระกายพระคริสต์ เป็นผู้ร่วมพันธกิจของคริสตจักร เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระองค์ “เพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศี ไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใดๆ เลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ” (เอเฟซัส 5:27)

•เป็นการใช้ของประทานที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อทำพันธกิจให้เกิดผล เพราะ “ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์” (เอเฟซัส 4.11)

•เป็นการรับมอบฉันทภาระ เป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐตามพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ท่านทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวก ให้รับบัพติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์” (มัทธิว 28.19)

ด้วยเหตุนี้ บัพติศมาจึงมีเป้าหมายหลักในการเตรียมทุกคนให้เป็นคนที่จะรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น “จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์” (เอเฟซัส 4.12-13)

 

พิมพ์ อีเมล