ข้อคิดประจำสัปดาห์

ข้อคิดประจำสัปดาห์ วันอาทิตย์ 27 กันยายน 2020

ความถูกต้องชอบธรรม
ศจ.ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษดิ์

เราต้องยอมรับว่า สังคมของเรายังมีความเหลื่อมล้ำและมีความแตกต่างทางความคิดแทบทุกวงการ รวมทั้งในคริสตจักรของเราด้วย จึงไม่แปลกใจที่เห็นผู้คนทุกสาขาอาชีพต่างออกมาเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรม

เพราะรู้สึกว่า ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แม้กระทั่งนักเรียนนักศึกษาก็ต้องการ “ปลดแอก” จากระเบียบและกฎเกณฑ์ที่ผู้ใหญ่วางไว้ ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาช่องว่างระหว่างวัยก็ได้

ในสมัยของผู้เผยพระวจนะอาโมส ก็มีความเหลื่อมล้ำในสังคมเช่นกัน มีช่องว่างระหว่างคนมั่งมีกับคนยากจน ผู้มีอำนาจปกครองกับผู้ที่ถูกกดขี่ห่มเหงในสังคม อาโมสจึงแนะนำว่า ก่อนที่จะไปเฝ้าพระเจ้าในพระวิหารและปฏิบัติศาสนกิจ ทุกคนต้องขจัดความ อยุติธรรม และลงมือทำความถูกต้องชอบธรรมให้ปรากฏ

อาโมสชี้ให้เห็นว่า การปฏิบัติศาสนกิจทดแทนความถูกต้องชอบธรรมไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ ท่านชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าทรงเกลียดชัง ทรงดูหมิ่นบรรดาวันเทศกาลและไม่ชอบการประชุมตามเทศกาล แม้จะถวายเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชา หรือถวายศานติบูชาด้วยสัตว์อ้วนพี พระองค์ก็ไม่ยอมรับและไม่มองดู อีกทั้งไม่ฟังเสียงเพลงและเสียงดนตรีที่พวกเขาบรรเลงอีกด้วย (อาโมส 5.21-23)

อาโมส จึงสรุปว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย คือ “จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงอย่างน้ำและให้ความชอบธรรมเป็นอย่างลำธารที่ไหลอยู่เป็นนิตย์” (อาโมส 5-24)

ความยุติธรรม (Justice) และความชอบธรรม (Righteousness) ต้องเปรียบเสมือนน้ำและลำธารที่ไหลอยู่เป็นนิตย์ หมายความว่า ทั้งความถูกต้องและความชอบธรรม ต้องไหลหลากเข้าไปในสังคมอย่างไม่ขาดสาย เพื่อทดแทนความแห้งผากของแผ่นดินและหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตให้อุดมสมบูรณ์

สังคมที่ละเลยความถูกต้องชอบธรรม มักก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำและเอารัดเอาเปรียบกัน ผู้คนเดือดร้อนและแตกแยกไม่สิ้นสุด ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องเป็นท่อแห่งพระพรในการส่งต่อพระเมตตาคุณของพระเจ้าไปยังทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

ความถูกต้องชอบธรรมจึงเป็นรากฐานของการนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง พระเยซูจึงทรงเตือนว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า "พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า" จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิต ในสวรรค์จึงจะเข้าได้” (มัทธิว 7:21)

เราจึงต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า การนมัสการพระเจ้า การถวายตัวและถวายทรัพย์ การอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ ตลอดจนการร่วมสามัคคีธรรมในคริสตจักร ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของเรา ด้วยการปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างถูกต้องเท่าเทียม จึงทำให้การนมัสการพระเจ้ามีชีวิตชีวาและเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เราเป็นสาวกที่สัตย์ซื่อของพระเยซูคริสต์อย่างแท้จริง

พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อพวกท่านเกิดผลมากและเป็นสาวกของเรา พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น จงติดสนิทอยู่กับความรักของเรา” (ยอห์น 15:8-9)

พิมพ์ อีเมล