ข้อคิดประจำสัปดาห์

ข้อคิดประจำสัปดาห์ วันอาทิตย์ 2 สิงหาคม 2020

ความรัก (5): การให้อภัย
ศจ.ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษดิ์


คำกล่าวที่ว่า “Forgive but never forget” (ยกโทษให้ แต่จะไม่มีวันลืม) หรือ “ตายไปไม่เผาผี” หรือ “ชาตินี้อย่าให้พบเจอกันอีกเลย” เป็นการสะท้อนถึงความโกรธแค้นของคนที่ถูกกระทำย่ำยีจนไม่อาจให้อภัยได้ แต่จะจดจำไปชั่วชีวิต โดยเตือนใจตัวเองว่า “เจ็บแล้วต้องจำ”


อันที่จริง การจดจำความผิด หรือการถือโทษโกรธแค้น เป็นการทำลายสุขภาพกายและใจให้ย่ำแย่ มันจะติดตามและหลอกหลอนเรา จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าไม่ยอมลืมหรือปล่อยวาง มันก็จะรุมเร้าและเกาะกินชีวิตให้ทุกข์ใจยิ่งขึ้น

การให้อภัย หรือการยกโทษ (Forgiveness) เป็นคุณลักษณะสำคัญของความรัก เพราะหากรักก็พร้อมให้อภัย ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะหนักหนาสาหัสและยากเพียงใดก็ตาม แต่หากให้อภัย เราจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่ต้องแบกหามให้หนักอึ้ง

การให้อภัย จึงก่อให้เกิดการคืนดีและหันหน้าเข้าหากัน (Reconciliation) เสริมสร้างมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน (Good relationship) แม้การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่หากทำได้ เราก็จะมีสันติสุข สามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้ในทุกกรณี

การให้อภัยเปิดโอกาสให้มีการเริ่มต้นใหม่ เชื่อมโยงสายสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นให้กลับสู่สภาพดี ดังคำอธิษฐานที่พระเยซูตรัสสอนว่า “ขอทรงโปรดยกบาปผิดของ ข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น” คำสอนนี้ยืนยันว่า หากเรายกโทษผู้อื่นอย่างไร เราก็ได้รับการยกโทษเช่นนั้นจากพระเจ้าด้วย

พระคัมภีร์สอนว่า “ผู้ให้อภัยการละเมิดก็มุ่งสร้างมิตรภาพ แต่คนที่ชอบพูดย้ำความผิด จะทำให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน” (สุภาษิต 17.9) หมายความว่า การรู้จักสงบปากสงบคำ ไม่ฟื้นฝอยหาตะเข็บ สามารถสานสัมพันธภาพให้แน่นแฟ้นมั่นคงยิ่งขึ้น

ดังนั้น มิตรภาพที่ราบรื่น จึงมาจากทัศคติที่ดีต่อกัน พร้อมยกโทษและเลิกแล้วต่อกัน เลี่ยงการต่อความยาวสาวความยืด โดยถือคติว่า “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ” เพราะการจดจำความผิด ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ นอกจากสร้างศัตรูแล้ว ยังบั่นทอนสุขภาพของตนเอง

พระเยซูทรงเป็นต้นแบบของการให้อภัย แม้ขณะที่ทรงถูกตรึงบนกางเขน พระองค์ยังทรงให้อภัยแก่ผู้ที่กระทำย่ำยีต่อพระองค์อย่างไม่เป็นธรรมว่า “โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขา เพราะว่า เขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไร" (ลูกา 23.34)

ท่านเปาโลสอนว่า “เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงยกโทษให้กันและกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน (โคโลสี 3.12-13)

ท่านยังแนะนำต่อไปว่า “จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด (All virtues) เพราะความรักผูกพัน (Bind) ทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์ (Perfect Unity)”

 

 

 

 

พิมพ์ อีเมล