ข้อคิดประจำสัปดาห์

ข้อคิดประจำสัปดาห์ วันอาทิตย์ 21 มิถุนายน 2020

ความรัก (1): การไม่เห็นแก่ตัว
ศจ.ดร.ประดิษฐ์ เถกิงรังสฤษดิ์


ความรักเป็นหัวใจหลักในคำสอนของคริสต์ศาสนา ความรักจรรโลงชีวิตให้มีความสุข แต่ละคนคงมีนิยามความรักที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิหลังและประสบการณ์ของตน
ปรัชญากรีกแบ่ง “ความรัก” อย่างน้อย 4 ระดับ ได้แก่

1.อีรอส (Eros) หมายถึง ความรักจากอารมณ์ความรู้สึกที่สนองความต้องการ ทางอารมณ์ ซึ่งมักเกิดขึ้นกับชายหญิงที่รักผูกพันต่อกันอย่างลึกซึ้ง


2.ฟิเลย (Philia) หมายถึง ความรักแบบมิตรภาพ หรือกัลยาณมิตร ที่มีความปรารถนาดีต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูล เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เพื่อนสนิทมิตรสหาย พี่น้องและคนที่อยู่ร่วมในชุมชน เป็นต้น

3.สตอเก (Storge) หมายถึง ความรักเอ็นดู หรือความเมตตากรุณาที่ผู้ใหญ่มีต่อผู้น้อย เป็นความรักความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อลูกหลาน อันเนื่องมาจากความรักและปรารถนาดีเสมอ

4.อากาเป (Agape) หมายถึง ความรักความเสียสละโดยปราศจากเงื่อนไขและ ไม่หวังผลตอบแทน ชาวคริสต์เชื่อว่า พระเจ้าทรงมีความรักแบบนี้ พระองค์ ทรงรักเรามากถึงขนาดยอมตายแทนเราบนกางเขน

ความขัดแย้งแตกแยกในสังคมปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักใช้อารมณ์ความรู้สึกและความเห็นแก่ตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีโลกทัศน์แคบและตัดสินใจอย่างไร้เหตุผล จึงมักเกิดปรากฏการณ์ที่น่าเศร้าอยู่เนืองๆ เช่น รักขม รักคุด รักเขาข้างเดียว ความรักเป็นพิษ เป็นต้น

อันที่จริง ความรักแท้และยั่งยืน อาจต้องผสมผสานทั้งสี่แบบเข้าด้วยกัน กล่าวคือ ความรักต้องมาจากความรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจ มีความเมตตากรุณา ห่วงหาอาทร มุ่งดี หวังดีและไม่เห็นแก่ตัว พระธรรม 1 โครินธ์ บทที่ 13 แบ่งความรักเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้

1.ต้องมี “สองต้อง” ได้แก่ ต้องอดทนนานและต้องมีใจปรานี (Patient and Kind)

2. ต้องมี “แปดไม่” ได้แก่ ไม่อิจฉา (Envy) ไม่อวดตัว (Boasting) ไม่หยิ่งผยอง (Pride) ไม่หยาบคาย (Rude) ไม่เห็นแก่ตัว (Self-seeking) ไม่ฉุนเฉียว (Easily angered) ไม่ช่างจดจำความผิด (Keep no record of wrong) ไม่ชื่นชมยินดีในความเท็จ (Not delight in evil) แต่ชื่นชมยินดีในความจริง (Rejoice with truth)

3.ต้องมี “สามเสาหลัก” ได้แก่ ความเชื่อ (Faith) ความหวัง (Hope) และความรัก (Love)

พระคัมภีร์ย้ำเตือนว่า ในบรรดาความรักทั้งหลายนั้น ความรักแบบ “อากาเป” ที่สำแดงโดยพระเยซูคริสต์ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด เพราะเป็นความรักที่เสียสละถึงที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่หวังผลตอบแทน หากยึดถือและปฏิบัติความรักแบบนี้แล้ว ความรักแบบอื่นๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็กทันที ดังพระดำรัสของพระเยซูที่ว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยอห์น 15:13)...<<<

 

 

พิมพ์ อีเมล